วันพฤหัสบดีที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2553

รู้จักเงินกันเถอะ

รู้จักเงินกันเถอะ

      คงไม่มีใครไม่รู้ว่าเงินคืออะไร หน้าตาเป็นอย่างไร ใช้ประโยชน์มันอย่างไร ก็คงคล้ายกับผมเองที่รู้จักว่ากุ้งคืออะไร ปลาคืออะไร แต่ถ้าจะให้เลี้ยง อาจจะเลี้ยงได้ไม่ดีเท่ากับคนที่ศึกษาเรื่องนี้ อย่างไรก็ดี ผมจะไปศึกษาเรื่องกุ้ง เรื่องปลาไปทำไม แค่เลือกซื้อเป็น ทำกินเป็นก็คงพอแล้ว แต่เรื่องเงินนั้นไม่เหมือนกัน จะรู้จักหาและใช้อย่างเดียวมันไม่พอ เพราะเงินเกี่ยวข้องกับชีวิตโดยตรง คุณเลิกท่องว่าปัจจัย 4 มีอะไรบ้างไปได้เลย มีเงินไว้ก่อน ปัจจัย 4 จะตามมาเอง แล้วอย่างนี้จะละเลยเรื่องที่จะศึกษาเงินจริง ๆ จัง ๆ ได้อย่างไร      เรื่องของเงินที่น่าสนใจก็คือธรรมชาติของเงิน ซึ่งเป็นสิ่งที่มองเห็นได้ทั่วไป โดยเราจะยกตัวอย่างให้สักเล็กน้อย เพื่อให้ท่านเริ่มสังเกตเรื่องเงิน ๆ ของท่านเองในชีวิตประจำวัน

ธรรมชาติของเงิน

      เราสามารถสังเกตเห็นเสมอ ๆ ว่า การใช้จ่ายเงินของผู้ที่ทำงานกินเงินเดือน มักจะใช้จ่ายมากในช่วงต้นเดือน ทั้งจ่ายหนี้เก่า ซื้อของที่เล็งไว้แล้วหลายอาทิตย์ หรือเที่ยวฉลองเหตุการณ์ต่าง ๆ แต่พอปลายเดือนก็ต้องมาอยู่อย่างประหยัด คนเหล่านี้มักจะกล่าวเสมอ ๆ ว่า "ถ้า 1 เดือนมี 20 วัน คงไม่มีปัญหาเรื่องเงิน" สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นรอบตัวเรา และเป็นเรื่องธรรมดาของคนกับเงิน ซึ่งถ้าเราทำความเข้าใจกับธรรมชาติของเงินสักเล็กน้อย เงินเหล่านั้นก็จะไม่หลุดไปจากมือเราง่าย ๆ

ธรรมชาติของคนกับเงิน

1. เงินเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องการ : ข้อนี้คงไม่ต้องบางคนอาจจะเถียงว่า อธิบายมาก เพราะคนเราต้องตื่นแต่เช้า บุกบั่นมาทำงานก็เพื่อ "เงิน" บางคนอาจเถียงว่า สิ่งที่เขาต้องการไม่ใช่เงินแต่เป็นความสุข ซึ่งอันนี้ออกจะเป็นรายละเอียดปลีกย่อย แต่ยอมรับเถอะว่า คุณต้องการเงิน และหลาย ๆ คนก็ต้องการเงิน แต่เงินก็เป็นเพียงวัตถุที่เราสามารถบริหาร-จัดการได้ไม่ยากนัก ถ้าเรารู้จักมัน

2. เงินที่ได้มาง่าย ก็เสียไปง่าย : หากคนเราได้เงินมาเป็นจำนวนมากในคราวเดียว ก็มักจะใช้จ่ายมากกว่าปกติ เงินที่กล่าวถึงในที่นี้ คือ

     -   เงินรางวัล คือสิ่งที่ได้มาด้วยดวง เช่น หวย ลอตเตอรี่ ชิงโชค

     -   โบนัสก้อนโต คือเงินโบนัสที่ได้มามากกว่า ที่เราคาดหวังไว้

     -   มรดก เป็นเงินสด (เป็นสิ่งขิงที่ขายได้)

     -   กำไรพิเศษ เช่น กำไรจากการขายที่ดินได้ ในยามเศรษฐกิจดี

     -   กำไรจากหุ้น หรือการค้าขายได้เฟื่องฟูโดยไม่ได้คาดหมายไว้

     -   เงินที่ได้มาฟรี ๆ จากญาติ พ่อแม่ ปู่ ย่า หรือใครก็ตาม

ถ้าเรามีโอกาสได้เงินมาง่าย ๆ แสดงว่าเป็นความโชคดีของเรา แต่จงจำไว้ว่าโชคดีไม่ได้มีมาเสมอ หากใช้เสียหมดแล้ว ท่านต้องมาเสียใจในภายหลัง วิธีจัดการที่ดี คือ การนำเงินก้อนนี้ไปฝากประจำ (หรือลงทุนระยะยาวอื่น ๆ) แล้วลืมมันไปสักระยะ คิดเสียว่าไม่ใช่เงินของเรา

3. ถ้ามีเงินถึงจุดหนึ่ง จะเริ่มอยากรวย : คนส่วนมากจะตระหนักถึงความสำคัญของการเก็บออม แต่คนที่มีความรู้สึกอยากรวย เท่านั้นจึงจะมีความตั้งใจเก็บออมได้ดี จากการสำรวจในอเมริกา พบสิ่งที่น่าสนใจว่า คนเราเมื่อมีเงินถึงจุดหนึ่ง ก็จะเกิดความรู้สึกอยากมีมากขึ้นกว่าเดิมไปอีก ซึ่งคนพวกนี้จะตั้งใจเก็บเงินมากและมีความสุขกับตัวเลขในบัญชีที่เพิ่มขึ้น ในทางกลับกัน คนอีกกลุ่มหนึ่งซึ่งมีเงินเก็บไม่มาก มักจะยังไม่เกิดกิเลสในความโลภ เท่ากับคนที่เริ่มมีเงินเก็บ หรือความร่ำรวยในระดับหนึ่งแล้ว

เครดิต mfcwebactivity1.com

แนวคิด เงินสร้างเงิน

images

รายได้ชั่คราว

1. ใช้เวลา เเลก เงิน

2. เงินเพิ่มพูนเเบบเส้นตรง

3. หยุดทำงาน = รายได้หยุด

4. ไม่ได้สร้างความมั่งคั่งที่เเท้จริง

5. ไม่มีเวลาเป็นของตัวเอง

6. ทำงานเพียงเพื่อยังชีพ

7. ถ้างานหยุด เงินหยุดด้วย

รายได้ถาวร

1. ใช้หลักการผ่อนเเรงด้านเวลา

2. เงินเพิ่มพูนเเบบทวีคูณ

3. รายได้ต่อเนื่องไม่มีที่สิ้นสุด

4 สร้างความมั่งคั่งที่เเท้จริง

5. มีอิสรภาพเรื่องเวลาอย่างเเท้จริง

6. ล้ำหน้า ต่อเนื่อง

7. รายได้จะไหลมาไม่ขาดสาย

8.ส่งต่อทักษะการสร้างรายได้ สู่รุ่นลูกหลานไม่สิ้นสุด

9. มีความสุขในชีวิต

อิสรภาพทางการเงินในนิยามของผมคือ ความสามารถที่จะดำเนินชีวิตในรูปแบบที่คุณต้องการโดยไม่จำเป็นต้องทำงานหรือ พึ่งพาคนอื่นในเรื่องเงิน คุณจะมีอิสรภาพทางการเงินเมื่อรายได้งอกเงยของคุณมีจำนวนมากกว่ารายจ่าย

แหล่งที่มาของรายได้งอกเงยอย่างแรกคือ "เงินสร้างเงิน" ซึ่ง ได้แก่ รายได้จากการลงทุน เช่น หุ้น พันธบัตร ตั๋วเงินคงคลัง ตลาดเงิน กองทุนรวม รวมไปถึงทรัพย์สินอื่นๆ ที่ถือว่ามีค่าและแลกเปลี่ยนเป็นเงินสดได้

แหล่งรายได้งอกเงยอีกอย่างคือ "ธุรกิจสร้างเงิน" หรือธุรกิจซึ่งนำมาซึ่งรายได้ต่อเนื่องโดยคุณไม่จำเป็นต้องเข้าไปเกี่ยวข้อง เพื่อให้ธุรกิจนั้นสามารถดำเนินการหรือสร้างรายได้ ตัวอย่างเช่น การให้เช่าอสังหาริมทรัพย์ ค่าลิขสิทธิ์หนังสือ ดนตรี หรือซอฟท์แวร์ การขายแฟรนไชส์ การให้เช่าโกดังเก็บสินค้า การทำธุรกิจแบบเครือข่าย การลงทุนกับเครื่องขายของหรือหยอดเหรียญต่างๆ ฯลฯ หลักการคร่าวๆคือ การให้ธุรกิจทำงานแทนคุณและสร้างรายได้ด้วยตัวของมันเอง

ผมไม่ได้ กล่าวถึงความสำคัญของการสร้างรายได้งอกเงยมากเกินความเป็นจริงหรอก เพราะถ้าคุณไม่มีรายได้งอกเงย คุณย่อมไม่มีทางเป็นอิสระทางการเงินอย่างแน่นอน

วันอังคารที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2553

วิเคราะห์ Club Asteria

วิเคราะห์ Club Asteria

โปรแกรมการออมเงิน คลับแอสทีเรีย (Club Asteria)
ของอดีตผู้อำนวยการธนาคารโลก (World Bank)แอนเดรีย ลูคัส (Andrea Lucas)

โปรแกรมเด่นของโครงการแบบโกลด์ คือ ออมเงิน 4 เดือนๆ ละ 700 บาท
รับรายได้หลังเกษียณเมื่อครบ 19 เดือนๆ ละ 50,000 บาท ตลอดไป


ประเด็นที่สงสัยกันมาก
จ่ายจริง หรือหลอกลวง
ทำไมจ่ายผลตอบแทนสูงมาก
เอารายได้จากที่ไหนมาจ่าย

วิเคราะห์แบบสรุปรวมประเด็นทั้งหมด ดังนี้

1./จ่ายจริง หรือหลอกลวง คลับแอสทีเรียประกาศจุดยืนของโครงการอย่างชัดเจนว่า
เป็นโครงการเพื่อการช่วยเหลือ เป็นสังคมแห่งการแบ่งปัน โดยมีหลักฐานแสดงการ
จ่ายเงินให้ทุกสัปดาห์ผ่านบัญชี AlertPay ถึงผู้รับทุกวันศุกร์ สามารถตรวจสอบได้จริง


2./ประเด็นการจ่ายผลตอบแทนสูง อันที่จริงเป็นจุดเด่นของโครงการซึ่งเป็นเรื่องปกติ
เพราะถ้าจ่ายผลตอบแทนต่ำก็คงจะไม่มีใครมาขอรับความช่วยเหลือ


3./ผู้บริหารโครงการ (CEO) คืออดีตผู้อำนวยการธนาคารโลกซึ่งเคยผ่านงานบริหาร
โครงการระหว่างประเทศมากกว่า 400 โครงการ ใน 90 ประเทศทั่วโลก ได้พบเห็น
สภาพชีวิตความเป็นอยู่ที่ลำบากยากจนของผู้คนในประเทศต่างๆมากมาย
ด้วยชื่อเสียง วัยวุฒิ คุณวุฒิ ความสามารถ และประสบการณ์ในการทำงาน
ตำแหน่งผู้อำนวยการธนาคารโลกย่อมเป็นเครื่องพิสูจน์ถึงความน่าเชื่อถือ
และความสามารถในการหารายได้ของโครงการได้เป็นอย่างดี


รายได้ของคลับแอสทีเรีย ประกอบด้วยค่าสมาชิกค่าโฆษณาจากผู้ขายสินค้าผ่านเว็บสินค้า และบริการการโอนเงินการโปรโมทเว็บไซต์
    Google Adsense
    ClickBank
    Amazon, etc


4./ความผันผวนจากสภาวะเศรษฐกิจโลก เช่น สภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ การขึ้น-ลง
ของอัตราแลกเปลี่ยน เป็นสภาวะการเปลี่ยนแปลงที่อยู่นอกเหนืออำนาจการควบคุม
ทุกคนย่อมได้รับผลกระทบเหมือนกัน ทางโครงการจึงมีประกาศแจ้งไว้แล้วว่า
ผลตอบแทนที่จ่ายเดือนละ 50,000 บาทนั้นเป็นตัวเลขที่คำนวณจากรายได้
ณ ปัจจุบันของคลับแอสทีเรียซึ่งอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงได้


5./โปรแกรมการออมเงินนี้มีสูตรแสดงวิธีการคำนวณผลตอบแทนให้เห็น
รายละเอียดอย่างชัดเจนทุกเดือน ตั้งแต่เดือนที่ 1-19


6./มีผู้ที่อยากเข้าร่วมโครงการ โดยไม่จ่ายเดือนละ 700บาท ทำได้หรือไม่
ทางโครงการก็มีทางเลือกให้สมัครฟรีได้ โดยเมื่อสมัครแล้วแนะนำผู้สมัคร
รายใหม่เข้ามาเดือนละ 2-3 รายในช่วง 4 เดือนแรก ท่านก็อาจจะไม่ต้อง
จ่ายเงินเลย แถมกลับจะมีรายได้เพิ่มขึ้นอีกด้วย


ในเมื่อไม่เหลืออะไรให้เป็นความเสี่ยงอีกต่อไปแล้วอย่าปล่อยโอกาสดีดีที่มีผู้หยิบยื่นให้ผ่านไป
รีบสมัครด่วน สมัครก่อนได้ก่อน ได้เงินทุกคน ไม่ต้องรอลุ้น ทุกคนมีสิทธิเท่าเทียมกัน


คลิกดูรายละเอียดเพื่อสมัครสมาชิก 

คลิกที่นี่